ป้ายตั้งโต๊ะ ป้ายติดผนัง ก่อนหน้านี้ที่เราพิมพ์ลายบนวัสดุพื้นผิวแข็ง เช่น อะคลีลิก, สแตนเลส และป้ายหินอ่อนต่างๆ จะเป็นการทำร่องลงไปประมาณ 1-2 มิลลิเมตร เพื่อให้เกิดลวดลายตามแบบอักษร และกราฟฟิกที่เราทำไว้ก่อน แล้วจึงมีการผสมสีลงในร่องบนพื้นผิวด้วยเทคนิคต่างๆ ตามแต่วัสดุ ก็จะเกิดลวดลาย โลโก้ ข้อมูล ภาพพิมพ์ต่างๆ บนชิ้นงานนั้นๆ
การทำงานลักษณะนี้เราจะเรียกว่าการ เซาะร่อง และการหยอดสีลงบน ชิ้นงานแต่ละประเภท หรือเราจะได้ช่างเรียกกันว่า งานกัดกรด (ซึ่งเรียกตามวิธีการทำให้เกิดร่องบนเนื้อโลหะ) งานหยอดสีอะคลีลิก หรืองานเซาะร่อง (ใช้เรียกการเลเซอร์ หรือการสลักลายบนอะคลีลิก แล้วจึงหยอดสีลงไปให้เกิดลายนั้น)
ด้วยเทคนิคนี้สีก็จะอยู่ในร่องข้อดีของงานลักษณะนี้คือ สีจึงติดทนได้นานมาก หากต้องทำความสะอาดหรือกรณีชิ้นงานต้องมีการโดนขัดถูบ่อยๆ, การสัมผัสน้ำหรือนำ้มันบ่อย พวกนี้เองก็จะไม่ได้โดนเนื้อสีโดยตรง
แต่ในเทคนิคข้างต้น ก็จะมีข้อจำกัดบางตัวที่ต้องทราบเช่นกัน คือ
สีที่ผสมเนื่องจากเป็นสีที่ผสมมือ ความนิ่งของสีในแต่ละรอบเองก็มีความผิดเพี้ยนไปบ้าง
การหยอดสีในอัษรที่มีปริมาณเยอะ คนทำงานก็จะมีความล้า และระยะเวลาในการทำงานที่นานขึ้น
รวมถึงจะเกิดข้อจำกัดในการออกแบบเช่นสีลักษณะนี้ไม่สามารถเลือกใช้ได้ แบบตัวนี้ต้องปรับ ทำให้งานล่าช้าออกไป
เราจะได้เห็นผลงานออกมาในรูป โล่รางวัล, งานป้ายติดตู้, งานป้ายสถานที่ต่างๆ, ป้ายห้องน้ำ, ป้ายติดเครื่องจักร เป็นต้น
และในปัจจุบันนี้เองเทคโนโลยีก็เริ่มดีขึ้น นักออกแบบ และเจ้าของก็อยากได้สีสันที่ดูแตกต่าง และสนุกกับงานพิมพ์มากยิ่งขึ้น และของแต่ละรายการก็อาจจะมีการเปลี่ยนเร็วขึ้น ไม่เน้นว่าจะต้องผลิตเพื่อให้คงทนถาวร หรือยาวนานไม่เปลี่ยนแปลง แต่เน้นการสร้างความแตกต่างให้กับ ป้ายตั้งโต๊ะ ป้ายติดผนัง ป้ายติดหน้าเครื่องจักร และก็เริ่มพิจารณาข้อจำกัดบางอย่างหากไม่ได้สัมผัสกับน้ำมันบ้าง น้ำยาขัดล้าง หรือฝนบ้าง นักออกแบบก็จะออกแบบผลงานได้สนุกขึ้น โดยมีการปรึกษากับทางโรงงานที่ผลิต หรือข้อจำกัดเบื้องต้นก่อนที่จะเลือกใช้เทคโดนโลยีสมัยใหม่
เทคโนโลยีการพิมพ์ลักษณะนี้เรียกว่าการพิมพ์ดิจิตอล หรือการพิมพ์สี UV
เป็นการพิมพ์คล้ายๆ กับการพ่นหมึกลงบนวัสดุ เรียกว่า การพิมพ์อิงค์เจท แต่การพิมพ์ inkjet เองนั้นหมึกจะแห้งได้บนพื้นวัสดุที่มีการยึดเกาะที่เหมาะสมเช้น ไวนิล, สติกเกอร์พีวีซี เป็นต้น แตด้วยวัสดุที่เราใช้ทำงานตกแต่าง งานแสดงต่างๆมีความหลากหลาย และความหนาที่มากขึ้น หมึกเองมีความหลากหลาย ก็ยากที่จะรับงานผลิต จึงมีเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า การพิมพ์อิงค์เจทยูวี UV inkjet นำมาตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ คือ เมื่อหมึกมีการพ่นออกมาจากหัวพิมพ์แล้ว จะมีแสงสีม่วงๆ ออกมา เรียกว่า Ultra Violet UV ออกมาเพื่อ Cure ให้หมึกนั้นแห้ง แข็งโดยทันที เพื่อให้เกิดลวดลาย และผสมสีได้ตามต้องการ โดยสีที่เกิดขึ้นจะเกิดจาก CMYK ผสมกันให้เกิดสีดังที่ต้องการ
ข้อดีของงานลักษณะนี้ก็คือ
การได้สีที่ตรงตามเฉดที่ต้องการ ไว้ในไฟล์ออกแบบตามการประมาณลงของโปรแกรม
การพิมพ์ลักษณะนี้เองสามารถพิมพ์ชิ้นงานเล็กๆๆได้
สามารถกำหนดเวลาในการทำงานได้อย่างแม่นยำ เพราะสามารถคำนวณเวลาได้จากการพิมพ์ที่แน่นนอน
สามารถเปรียบเทียบสีได้ตามที่ต้องการ
ข้อจำกัดของงานลักษณะนี้ที่ต้องทราบคือ
ถ้ามองให้ใกล้ๆ จริงๆ จะพบว่าสีที่พมิพ์ด้วยลักษณะนี้ก็ยังมีการเป็นเส้นให้เราเห็นได้ ซึ่งจะต่างจากการหยอด เพราะว่าการหยอดสีเหมือนการเทสีลงบนชิ้นงานจะมีความเรียบเนียน แต่หากไปเจอะร่องเล็กๆ การหยอดสีจะทำงานบากและกินเวลา
การพิมพ์ลักษณะนี้เป็นการพิมพ์บนเนื้อวัสดุ ดังนั้นสีจะเกาะอยู่ข้างบนหากมีการขูดหรือว่าขัดถูจะเป็นการทำกับสีโดยตรงโอกาสที่จะมีการลอกหรือว่าหลุดจะได้ง่ายกว่าหากสีนั้นไม่ได้ยึดเกาะกับชิ้นงานอย่างถาวร
จากที่ศึกษามานั้นงานที่เหมาะกับลักษณะนี้คืองาน โชว์มากกว่าใช้ และขูดขีดหนักๆ ดังนั้นเราจะให้ลูกค้านำชิ้นงานมาทดสอบก่อนที่จะทำการผลิตช้ินงานทุกครั้ง
สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบในการพิมพ์ต่างๆ สามารถนำชิ้นงานมาให้ทดสอบสี พิมพ์ตัวอย่างได้ และสามารถเทียบสีจากการพิมพ์ระบบเดิม และการเปลี่ยนเป็นการพิมพ์ระบบใหม่ได้ ก็สามารถนำมาทดสอบได้ทางเราก็มีค่าบริการในการทำงานให้กับเพื่อนๆ ได้เช่นกัน
หน้าที่เข้าชม | 701,780 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 417,680 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 มี.ค. 2562 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |