ทำไมร้านสกรีนเสื้อถึงไม่รับงานสกรีนลงของอย่างอื่น ?

 ทำไมร้านสกรีนเสื้อถึงไม่รับงานสกรีนลงของอย่างอื่น? 

เราได้พบกับลูกค้ากลุ่มที่มีฝีมือในการวาดภาพ ออกแบบกราฟิก ที่อยากเอาผลงานวาดของตัวเอง มาผลิตเป็นสินค้า ซึ่งสินค้ากลุ่มแรกๆ ที่นิยมทำกันก็คือ เสื้อยืด เพราะการสกรีนหรือพิมพ์ลายลงบนเสื้อยืดนั้น ทำได้ไม่ยาก มีร้านรับทำมากมาย อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่ซื้อขายง่ายด้วย 

แต่รู้กันหรือไม่ว่า  การพิมพ์สกรีนนั้นสามารถพลิกแพลงมาใช้กับการสกรีนได้หลายอย่างเลย  ทั้ง ผ้า ไม้ สติ๊กเกอร์ เซรามิก โฟม  เป็นต้น 

เรามาดูที่คอนเซปของงานสกรีนกันก่อนดีกว่า เริ่มต้นด้วยการทำบล็อกสกรีน ใช้ผ้าที่เป็นรูๆ มาอัดกาว ส่วนที่เราไม่ใช่ภาพจะเป็นกาวปิดรูผ้าไว้  เวลาที่เราเทและปาดหมึก หมึกก็จะไหลผ่านรูผ้าลงไปที่ตัวเสื้อนั่นเอง รูปนี้ที่เรารู้จักง่ายๆ คือ 1.      บล๊อกสกรีน  = ทำให้เกิดลวดลาย มี 1 สีก็ต้องใช้บล๊อก 1 บล๊อก ถ้ามี 4 สีก็ใช้ 4 บล๊อก 2.      สีหมึก  = ที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับวัสดุที่เอาไปติด และต้องทะลุผ่านผ้าสกรีนได้ 3.      วัสดุที่ต้องการให้ลวดลายไปติด  เช่น เสื้อ ผ้า กระเป๋าหนัง พลาสติก เป็นต้น และวัสดุนั้นต้องมาเป็นแผ่นๆ หรือว่าค่อนข้างเรียบ

 

  อุปกรณ์ที่ดูเข้าใจง่ายแต่บางทีก็ไม่ง่ายซักทีเดียว ^^ ทีนี้เราลองมาดูว่าแล้วขั้นตอนอะไรบ้างละมาดูกันต่อไปเลย  

การที่เราจะสกรีนลงบนวัสดุอะไร เราจะต้องเลือกหมึก เลือกความละเอียดของรูผ้า (ภาษาในวงการเรียกว่า เมช mesh) รวมไปถึงความแข็งของใบปาดหมึกด้วย ที่จะมีผลกับการที่ผลงานจะออกมาดีและสวย

ดังนั้น  การที่เราจะไปถามช่างว่า  ไหนๆ ก็ทำบล็อกสกรีนนี้มาสกรีนเสื้อแล้ว  ขอให้สกรีนลงกล่อง หรือ ถุงซิปสำหรับใส่เสื้อเลยได้ไหม จะได้แพคเกจจิ้งที่มีลายเดียวกับเสื้อเลย เก๋ๆ  ....  ส่วนมากจึงไม่ค่อยรับทำกันเพราะ...

1. หากเอาหมึกสกรีนผ้า ไปสกรีนบนวัสดุอื่น เช่น พลาสติก อาจจะสกรีนไม่ติด สีสกรีนไม่แห้ง  หรือ หลุดลอกง่าย  ต้องทำการทดสอบหมึกหลายตัว  ทำให้ไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป หรือการสกรีนพลาสติกจะต้องสกรีนที่รวดเร็วเพราะว่าหมึกสกรีนนั้นจะมีการแห้งเร็วและตัดที่ผ้าได้ง่าย ทำให้ก็ต้องพิมพ์จำนวนที่มาก

2. จำนวนสีพิมพ์ หรือสีสกรีนมากเกินไป  ช่างอาจจะชำนาญสกรีนเสื้อหลายสี เพราะมีอุปกรณ์เครื่องมือช่วย เพราะทำเป็นประจำ  แต่พอสกรีนบนวัสดุอื่น ไม่มีตัวช่วย การจะสกรีนให้ตรงกันก็ยากขึ้น

3. บล็อกสกรีนที่ใช้แตกต่างจากที่ใช้สกรีนเสื้อ  เวลาสกรีนลงเสื้อ สีจะต้องผ่านบล็อกสกรีนลงไปเยอะ เพราะเสื้อจะมีการดูดซับสีไว้ส่วนหนึ่ง  แต่เวลากสรีนลงพลาสติกหรือกระดาษ วัสดุไม่ได้ซับสีหมึกเท่าเสื้อ  จึงต้องเลือกใช้บล็อกสกรีนอีกชนิดหนึ่ง และเลือกสีให้เหมาะกันด้วย  ไม่งั้น ผลงานอาจจะเลอะเทอะ หรือสีจืด หรือ บล็อกอุดตันง่าย ช่างพิมพ์ต้องล้างบล็อกบ่อยๆ ช่างพิมพ์ก็ไม่ชอบเพราะต้องเพิ่มขั้นตอนในการทำงาน

4. ลวดลายกราฟิกที่มีขนาดเล็ก โลโก้ขนาดเล็ก ทางร้านสกรีนไม่สามารถอัดลายแบบให้เราได้ ทำให้กลัวว่าภาพพิมพ์ของลูกค้าจะไม่ชัดเจน

5. ที่ร้านสกรีนจะพิมพ์แต่เฉพาะวัสดุที่เขามี เช่น ผ้า เสื้อ กระเป๋า ได้แต่ถ้าเป็นวัสดุอื่นๆ ที่ลูกค้านำมาให้ก็มักจะไม่ค่อยคุ้นกับวัสดุต่างๆ ต้องมาหาวิธีการสกรีน การคำนวณแรงกด แรงปาดหมึกใหม่ทั้งหมด และที่สำคัญคือก็ร้านที่จำหน่ายหมึกพิมพ์เองก็ไ่ม่ได้เก็บสีที่พิมพ์วัสดุที่แตกต่างไว้มากทำให้ไม่มีแหล่งซื้อสีที่หลากหลาย

6. เนื่องจากเป็นงานพิเศษ  ที่ปกติร้านสกรีนไม่เคยพิมพ์  อาจจะเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด ทำให้เสียเวลทำงาน และต้นทุนไปกับการทดลองต่างๆ มาก ทำให้เขาก็ไม่อยากทำงานที่เนื้อวัสดุแตกต่างจากเขาเคยทำ 7. ร้านสกรีนประเมินแล้วว่าถ้าทำงานเทคนิคยากๆ นี้ไปจะมีงานประเภทนี้กลับมาเราอีกไหมหรือว่าหมดไปเลย บางทีก็เป็นเหตุผลของร้านต่างๆ ที่จะหาเหตุผลปฏิเสธงานที่แปลกๆก็เป็นได้               8. ขีดจำกัดของเครื่องมือ หรือว่าเทคนิคของร้านสกรีนเองก็ทำให้ไม่สามารถรับงานที่แตกต่างและแปลกใหม่ของลูกค้าได้เช่นกัน

รู้แบบนี้แล้วเราก็สามารถพูดคุยกับร้านสกรีน และเข้าใจกันได้มากขึ้น^^” บางครั้งร้านสกรีนเองก็จะรับงานที่แพงขึ้นกว่างานปกติที่เขาทำ หรือว่าปฏิเสธงานสกรีนของเราอย่างหน้าตาเฉยได้เลย นั้นมาจากเหตุผลข้างต้นนั่นเอง

หากเพื่อนๆ เคยมีประสบเหตุการณ์ที่ต้องการพิมพ์สกรีนงานแปลกๆ และต้องค้นหาร้านที่เน้นเทคนิคพิเศษๆ เราก็มีบริการในการพิมพ์รูปแบบใหม่มานำเสนอ ลองติดตามได้ที่ลิงก์ใน ….. https://www.printonmat.com/article/5

ลองดูเทคนิคงานพิมพ์สกรีนของเราด้ที่นี้เลยเช่นกันคะ 



ขอบคุณรูปสวยๆจากเวบ

https://www.apex-jet.com/news/UV-printer-vs-Heat-Press-and-Screen-printing.html
https://www.lilblueboo.com/2010/12/mini-screens-and-clothing-labels.html
https://www.flickr.com/photos/tind/7581148828